You are currently viewing ความแตกต่างของนวดกะทิ กับสีผึ้งกะทิ

ความแตกต่างของนวดกะทิ กับสีผึ้งกะทิ

นวดกะทิ – สีผึ้งกะทิ” คล้ายแต่ไม่เหมือน

นวดกะทิ สีผึ้งกะทิ” คล้ายแต่ไม่เหมือน วัตถุดิบหลักใช้เป็นกะทิเหมือนกัน แต่เสน่ห์และคุณสมบัติต่างกัน นี่คือภูมิปัญญาที่หลักแหลมของคนโบราณ ที่ใส่ใจประณีตบรรจงเพื่อให้ได้สรรพคุณที่แตกต่างกัน

นวดกะทิกับสีผึ้งกะทิต่างกันอย่างไร

สีผึ้งนวดกะทิ

นวดกะทิ” เป็นสีผึ้งชนิดเคลือบปาก ป้องกันอาการปากแห้ง แบบเดียวกันกับสีผึ้งเนื้อทองค่ะ โดยสีผึ้งเนื้อทองจะมีเนื้อที่เหนียวสามารถยืดเป็นใยบางใสได้ แต่นวดกะทิจะมีความเหนียวละมุนๆแต่ยืดเป็นใยบางๆไม่ได้ พูดให้เห็นภาพคือมันมีความแมทท์ไม่มัน ไม่เงาวาว แต่ยังชุ่มชื่นนั่นเอง

จุดเด่นของ สีผึ้งเนื้อเคลือบปาก คือช่วย “กักเก็บ” ความชุ่มชื่นให้ผิวปากเราไม่แห้งกร้าน ไม่มีร่องปาก ไม่ลอกเป็นขุย โดยสีผึ้งเคลือบปากจะทำหน้าที่เป็นผิวบางๆอีกชั้นที่ช่วยป้องกันการสัมผัสอากาศหรือภาวะที่ทำให้ปากแห้งจากภายนอก เรียกได้ว่า ความชุ่มชื่นภายในไม่ให้ออก ความแห้งจากภายนอกไม่ให้มากระทบแบบนั้นเลย สมัยก่อน ในยุคที่การกินหมากยังเป็นที่นิยม สีผึ้งจะช่วยเคลือบปากกันน้ำหมากจับปาก กันปูนกัดปากด้วย

สีผึ้งกะทิ

ส่วน “สีผึ้งกะทิ” ก็เป็นสีผึ้งบำรุง เน้นเรื่องความชุ่มชื่น ไม่เคลือบปากเท่านวดกะทิ เวลาทาแล้วจะเนียนแนบไปกับผิวปาก เนื้อจะ “นิ่มละมุน” คล้ายสีผึ้งชมพูนุทหรือสีผึ้งพังแพว(ตำรับคำน่อย) คือจะไม่เหนียวละมุน (ไม่แมทท์) แบบนวดกะทิ

>> วิธีจัดการ อาการปากแห้ง ได้ผลแน่นอน 


กลิ่นของ “นวดกะทิ” มี 2 แบบอยู่ที่วิธีการหุง

ตำรับแรกหุงให้ขึ้น “กลิ่นอ่อน” กลิ่นจะหอมๆหวานๆเหมือนขนม อีกตำรับหุงให้ขึ้น “กลิ่นเข้ม” กลิ่นจะเกือบไหม้แต่ไม่ไหม้ได้เป็นกลิ่นคล้ายกาแฟหอมๆนวดกะทิและสีผึ้งกะทินี้จะหุงให้ดี ต้องหุงให้ขึ้นขึ้นกลิ่นและเนื้อตรงตามตำรับ จึงขึ้นชื่อว่าหุ่งเป็นและหุงเก่ง

ความแตกต่างระหว่างกลิ่นหอมฟุ้งกับกลิ่นหอมลึก

ว่าด้วยเรื่องกลิ่นหอมนั้นเราจะมีวิธีดมกลิ่นเบื้องต้น เพื่อทุกคนให้รู้ได้ว่าสินค้าตัวไหนใส่น้ำหอม ตัวไหนไม่ใส่น้ำหอม สินค้าที่เกี่ยวกับริมฝีปากจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องน้ำหอม  เพราะว่าสาเหตุอย่างนึงที่ทำให้ปากแห้ง ปากแตก ปากดำกัน ก็มาจากเคมีที่เป็นส่วนประกอบน้ำหอมด้วย เราสามารถแยกกลิ่นได้สองแบบ

1.กลิ่นหอมฟุ้ง

คือกลิ่นที่มีลักษณะมีการฟุ้งกระจายของกลิ่น ชนิดที่เรียกได้ว่าได้กลิ่นก่อนที่ตาจะเห็นเสียอีก เคยไหมที่เพื่อนของเราใส่น้ำหอมกลิ่นนั้นเป็นประจำ เจ้าตัวยังมาไม่ถึง กลิ่นน้ำหอมของเขาก็มาทักทายเราก่อนแล้ว นี่คือลักษณะกลิ่นหอมฟุ้ง มักจะใช้กับน้ำหอม ฉีดพรมที่ผิวกายเพียงเล็กน้อยก็ได้กลิ่นขจรขจาย ดอกไม้บางชนิดก็ให้กลิ่นหอมฟุ้งได้เหมือนกัน

2.กลิ่นหอมลึก

กลิ่นหอมลึกเป็นกลิ่นที่มีลักษณะเหนียมอาย ไม่หาวิธีเข้าไปหาเขา เขาก็ไม่เผยกลิ่นออกมาให้ดมง่ายๆ บางอย่างขนาดเอาจมูกจ่อไปดมใกล้ๆแล้วยังไม่ยอมเผยกลิ่นหอมของตัวเองออกมาเลย

วิธีการจะได้กลิ่นหอมลึก

เราจึงต้องทำการกระตุ้นด้วย เช่นการเอามือไปถูหรือไป “สี” เมื่อมันเกิดความเสียดสี ทำให้มีความร้อนเกิดขึ้นโดยตรง กลิ่นก็จะยอมลอยออกมา กลิ่นหอมลึกมักจะอยู่ในวัตถุดิบตามธรรมชาติ ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการการสกัดทางเคมี ยกตัวอย่างของกลิ่นหอมลึกจากนวดกะทิตัวนี้ก็ได้  เราจะไม่มีทางได้กลิ่นของกะทิจากระยะหลักเมตรเลย ต่อให้อยู่ใกล้ๆก็ยังไม่ได้กลิ่น จนกว่าเราจะหยิบมันขึ้นมาดมระยะประชิด ก็จะได้กลิ่นหอมในระดับหนึ่ง แต่พอเอานิ้วไปถูหรือสีมันเท่านั้นแหละ กลิ่นหอมของกะทิแท้ๆก็โชยขึ้นมาทันที เราจะรู้สึกได้เองว่านี่คือกลิ่นที่เป็นธรรมชาติจริงๆ ตรงนี้อาจจะเป็นที่มาของคำว่า “สีผึ้ง”ก็ได้ คือมันเป็นของที่ต้อง “ถู “หรือ “สี” เวลาใช้จึงเห็นผลลัพท์

>> สั่งซื้อสินค้าคำน่อย คลิกเลย


สีผึ้งคำน่อย หาซื้อที่ไหนได้บ้าง

สามารถสั่งซื้อสินค้าสีผึ้งคำน่อย ได้ดังต่อไปนี้

  • Facebook  สีผึ้งคำน่อย
  • Shopee
  • อีฟแอนบอยทุกสาขา
  • สาขาเมกาบางนา (ชั้น 1)
  • สาขาเทอมนิอล 21 อโศก
  • สาขาเดอะมอลล์บางแค (ชั้น 1)
  • สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ (ชั้น 3)
  • สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ (ชั้น2)
  • สาขา พรีเมี่ยม เอ้าท์เลท
  • สาขาเมญ่า เชียงใหม่
  • สาขากังสดาร ม.ขอนแก่น
  • สาขาเทอมนิอล 21 พัทยา (ชั้น G)
  • สาขาเทอมินอล 21 โคราช (ชั้น G)
  • Wish Co Wholesale(Zone Beauty)โคราช
  • สาขาสามย่าน มิตรทาวน์
  • สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต