3 ขัั้นตอนง่ายๆที่ทาลิปสติคให้เรียบเนียนไร้คราบ
คุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องแว่บเข้าห้องน้ำบ่อยๆเพื่อไปส่องกระจกคอยเช็ค “คราบ” ลิปติกบนริมฝีปากอยู่หรือเปล่า เชื่อไหมนี่คือปัญหาระดับโลกของสาวๆที่หลงไหลในการลิปแมททีเดียวเชียว ตามไปดูกันว่าเราจะแก้ปัญหานี้ยังไงได้บ้าง
ขึ้นชื่อว่า “คราบ” ใครได้ยินก็ร้องยี้ !!! ยิ่งคราบที่ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกสยดสยองนี้ ดันมาเกิดอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่ทุกสายตาต้องจ้องโฟกัสอย่างเช่นตรงริมฝีปากของเรา ก็ยิ่งทำให้เราเสียบุคลิก เสียความมั่นใจไปอีก อุตส่าห์ลงทุนหาลิปสวยๆมาทาปกปิดแล้วเชียว แต่กลับยิ่งทำให้เป็นจุดเด่นมุมกลับ กลายเป็น “คราบจับปาก” ที่เด่นชัดกว่าหน้าสวยๆแซ่บๆของเราเสียอีก ไม่น่ามองมากกว่าเดิม ต้องคอยหาวิธีแก้ไขหน้างานอยู่ตลอดเวลา แล้วมันก็เป็นปัญหาที่แก้ไม่ค่อยได้ด้วยสิ ทายังไงก็ไม่เรียบเนียน ทายังไงก็เป็นขุย ยิ่งทายิ่งแย่ลงกว่าเดิมถึงขั้นทำให้เราเสียไม่กล้าทาลิปสีสวยๆอีกต่อไป โดยเฉพาะคนที่ชอบใช้ลิปแมทท์ วันนี้เราเลยจะมานำเสนอ 3 ขั้นตอนทาลิปแมทท์ให้ไร้คราบ
ขั้นที่1 ปรับสภาพผิว
มันเป็นขั้นตอนการขจัดสิ่งที่ไม่ควรจะอยู่บนริมฝีปากของเราออกไปก่อน เช่น เซลล์ผิวที่ตายแล้ว คนที่ ปากลอกเป็นแผ่น ลอกเป็นขุย เราไม่ควรปล่อยผิวที่ร่วงโรยเหล่านี้เอาไว้ ส่วนหนึ่งที่ปากของเราไม่เรียบเนียนก็เพราะยังมีผิวที่แห้งเหี่ยวเหล่านี้ยังอยู่ เมื่อเราทาอะไรลงไปทับ ทับ และทับ มันจะไม่มีวันเกาะผิวได้เลยเพราะความชุ่มชื้นบนผิวไม่เหลือแล้ว เมื่อไม่มีอะไรให้เม็ดสีเกาะ สีที่ทาลงไปมันจึงเกาะกันเองเสียเลย ซึ่งปัญหานี้แก้ได้โดยเอาผิวที่ตายแล้วเหล่านี้ออกไปซะ แล้วกระตุ้นเซลผิวใหม่วัยกระเตาะขึ้นมาแทนที่ โดย การสครับริมฝีปาก เอาผิวปากที่แห้งเป็นขุยออกเป็นประจำ ผิวปากจะเรียบเนียน นุ่มและตามมาด้วยสีปากที่สดใสขึ้น หมดปัญหาทาลิปสติกไม่เนียน
Trick
ให้เลือกลิปสครับที่เหมาะกับปัญหาผิวปาก ลิปสครับเม็ดหยาบเหมาะกับผิวปากที่มีปัญหาปากแห้งลอกเป็นแผ่น ขาดการดูแล ลิปสครับเม็ดละเอียดเหมาะสำหรับการปรับผิวให้เรียบเนียน และกระตุ้นการเกิดใหม่ของผิวให้แข็งแรง เลือกตามสภาพที่เหมาะสม ถ้าใครที่เป็นแฟนคำน่อยอยู่แล้วก็จะมี ชูการ์พลัม กับ แมคคาดิเมียร์สครับ ให้เลือกไปขัดถูปรับสภาพปากของเราได้เป็นอย่างดี
>> ดู 16 ข้อเสียของลิปสติก
>> สินค้าคำน่อยทั้งหมด กดเลย
ขั้นที่2 ทาลิปบาล์มรองพื้น
ข้อนี้คือหัวใจของของการทาลิปแมทเลย นี่คือ เคล็ดลับที่สาวๆต้องรู้ “เราควรทาลิปบาล์มก่อนทาลิปติคเนื้อแมทท์ทุกครั้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวริมฝีปาก” แต่ควรโดยทาบางๆ เพราะถ้าทาเยอะเวลาทาลิปสติคสีจะไม่ติดซะงั้น
ทำไมต้องทา ในเมื่อเราสครับจนได้ผิวปากสดใสวัยกระเตาะของเรากลับมาแล้วนี่หน่า
คำตอบก็คือ ผิวปากเราไม่ได้เด้งดึ๋งตลอดเวลาจ้า มันจะตึงและเหี่ยวตามสภาพร่างกายและพฤติกรรมการดูแลตัวเองของเรา สภาพอากาศที่เราอยู่ในวันนั้น การทาลิปบาล์มมันเปรียบเสมือนการ “รองพื้น”บางๆ ซึ่งมันจะ ช่วยบำรุงริมฝีปาก ของเราไปพร้อมๆกับทำให้สีของลิปติดดีขึ้น
Trick
อย่าทาหนา ทาบางๆก็พอจ้า หาลิปบาล์มที่อย่ามีความมันวาวหรือมีให้น้อยที่สุด ก็เพราะในเมื่อเราอยากทาลิปแมทท์เพื่อต้องการเนื้อด้านๆเท่ๆเฉี่ยวๆของมัน แต่หากทาลิปบาล์มที่มีความมันลิปแมทท์ก็เสียความแมทท์ไปเลย ซึ่งคุณสมบัตินี้ แฟนๆคำน่อยหาได้จาก สีผึ้งชมพูนุท จ้า
>> ริมฝีปากอวบอิ่ม ด้วยสีผึ้งคำน่อย
ขั้นที่3 ทาลิปพรามเมอร์
เพื่อให้การทาลิปเนื้อแมทท์ออกมาเรียบเนียน ติดทนยาวนาน ป้องกันการเป็นคราบควรทาลิปพรามเมอร์ทุกครั้งด้วย ซึ่งในข้อนี้คำน่อยแนะนำให้ใช้สีผึ้งเนื้อทองเลย ด้วยความที่มีเนื้อที่ละเอียดและมีความเหนียวที่พอดี มันจะทำให้เม็ดสีของลิปแมทท์ติดทนกองมาเป็นคราบ ซึ่ง สีผึ้งเนื้อทอง มีคุณสมบัติเป็นได้ทั้งลิปบาล์มและลิปพารมเมอร์เลยแหละ ***แนะนำ
Trick
หลังจากเราเตรียมผิวปากให้พร้อม และมีการทาลิปบาล์มหรือลิปพรามเมอร์แล้ว เราก็ทาลิปเนื้อแมทท์ได้เลย สาวคนไหนที่ต้องการความกริ๊บ ดินสอเขียนขอบปากเพิ่มความคมชัด หรือให้ใช้พู่กับป้ายเนื้อลิปสติคหรือเนื้อลิปแบบจิ้มจุ่มวาดขอบปากเป็นโครงไว้ก่อน แล้วจึงเติมสีให้เต็มริมฝีปากให้เปะยิ่งขึ้น
>> วิธีจัดการ อาการปากแห้ง ได้ผลแน่นอน
>> สั่งซื้อสินค้าคำน่อย คลิกเลย
สีผึ้งคำน่อย หาซื้อที่ไหนได้บ้าง
สามารถสั่งซื้อสินค้าสีผึ้งคำน่อย ได้ดังต่อไปนี้
|
|